ทำความรู้จัก SEO 4 แบบ แต่ละแบบต่างกันอย่างไร นักการตลาดออนไลน์ต้องรู้

ทำความรู้จัก SEO 4 แบบ แต่ละแบบต่างกันอย่างไร นักการตลาดออนไลน์ต้องรู้

หากพูดถึงเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไม่ว่าจะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจขนาดใหญ่ แน่นอนว่าต้องยกตำแหน่งแชมป์ให้กับ SEO หรือ Search Engine Optimization การออกแบบเว็บไซต์ให้ได้คุณภาพและอยู่ในเกณฑ์การให้คะแนนของ Search Engine ข้อดีคือเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดีเยี่ยมแถมยังเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่เว็บไซต์ แต่รู้หรือไม่ว่า SEO นั้นมีด้วยกันหลายแบบ อีกทั้งแต่ละแบบยังแตกต่างกันอีกด้วย

SEO มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

1. On – page SEO

คือการออกแบบและปรับเปลี่ยนสิ่งที่อยู่ในเว็บไซต์ให้สอดคล้องหรือเป็นไปตามเกณฑ์ให้คะแนนของ Search Engine เช่น การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย การเขียนคอนเทนต์สดใหม่ ไม่ลอกเลียนแบบ การใส่ Internal Link เพื่อให้สามารถกดไปยังหน้าอื่นของเว็บไซต์ได้ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาในเว็บไซต์ นำไปสู่การประมวลและจัดอันดับเว็บไซต์นั่นเอง

2. Off – page SEO

นอกจากการปรับแต่งภายในเว็บไซต์ของตัวเองแล้ว ต้องอย่าลืมทำ Backlink หรือทำลิงค์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายคลิกกลับมายังเว็บไซต์ของคุณด้วยการฝากลิงค์กับเว็บไซต์อื่น เมื่อกลุ่มเป้าหมายกดมาเข้ามาสู่เว็บไซต์ แน่นอนว่าจำนวน traffic จะมากขึ้น และเมื่อเว็บไซต์ได้รับความนิยม โอกาสติดหน้าแรกการค้นหาก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ขอบอกก่อนว่าไม่ควรฝากลิงค์มากเกินไป แนะนำให้เลือกฝากกับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพ

3. SEO สายขาว

การทำ SEO สายขาวคือการทำ SEO แบบตรงไปตรงมาและรอคอยจนกว่าผลลัพธ์จะค่อย ๆ เป็นไปตามต้องการ เป็นการออกแบบเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตามเกณฑ์การให้คะแนนจาก Search Engine เช่น การวิเคราะห์คียเวิร์ดและปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดให้เข้ากับเทรนด์การค้นหาเสมอ การทำ Internal Link การทำ External Link การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย วิธีนี้จะไม่เห็นผลทันตาแต่ต้องรอผลลัพธ์ประมาณ 3-6 เดือน กว่าเว็บไซต์จะเริ่มติดอันดับดี ๆ จุดเด่นคือความเสี่ยงต่ำและได้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว

4. SEO สายเทา

ในเมื่อมี SEO สายขาวแล้วแน่นอนว่าต้องมี SEO สายเทา หรือการวิเคราะห์จุดอ่อนอัลกอริทึมของ Search Engine และใช้จุดอ่อนนั้นมาช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกการค้นหา ไม่ว่าจะเป็น การทำสแปมคีย์เวิร์ด การฝากลิงค์เว็บไซต์อื่นมากเกินไป การทำ Cloaking หรือการตั้งใจทำคอนเทนต์ให้คนเห็นอีกแบบหนึ่ง ในขณะที่ระบบบอทจะมองเห็นอีกแบบหนึ่ง แม้วิธีนี้จะทำให้เว็บไซต์ก้าวสู่อันดับดี ๆ ได้เร็วขึ้น แต่เป็นการหวังผลระยะสั้น หาก Search Engine ตรวจจับได้จะทำให้ถูกแบนและไม่มีโอกาสติดอันดับดี ๆ อีกเลย

จะเห็นว่าการทำ SEO สามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีวิธีแตกต่างกันแถมผลลัพธ์ยังแตกต่างกันอีกด้วย เพราะฉะนั้นนักการตลาดจึงควรศึกษาการทำ SEO แต่ละรูปแบบ รวมถึงจุดเด่นและจุดด้อยของการทำ SEO รูปแบบนั้น ๆ เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าหากทำได้ กลุ่มเป้าหมายจะมีโอกาสเห็นสินค้าและบริการของคุณ จนสร้างการจดจำได้ในที่สุด