คำศัพท์ที่คนทำเว็บไซต์ SEO ปี 2020 ควรรู้จัก

คำศัพท์ที่คนทำเว็บไซต์ SEO ปี 2019 ควรรู้จัก

การทำเว็บไซต์ SEO ตามเกณฑ์ที่ Google กำหนด เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ระบบ algorithm ของ Google มาเก็บข้อมูลด้านต่าง ๆ ไปประมวลผล เปรียบเทียบระหว่างเว็บไซต์ แล้วจัดอันดับเว็บไซต์ที่ดีให้อยู่ด้านบน ๆ ให้เข้าถึงผู้ใช้งาน Google ได้มากขึ้น

ซึ่งในปี 2020 มีคนรุ่นใหม่สนใจทำเว็บไซต์ SEO จำนวนมากขึ้น แต่อาจยังไม่เข้าใจคำศัพท์ต่าง ๆ ที่จำเป็น เราจึงยกตัวอย่างคำที่น่าสนใจไว้ที่นี่ เพื่อให้ผู้ทำเว็บไซต์ไปศึกษาต่อ

1. SEO

SEO ย่อมาจาก search engine optimization เป็นเทคนิคเพิ่มอันดับในการสืบค้นให้อยู่ด้านบน ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ Google แม้แต่บาทเดียว เพียงอาศัยความสม่ำเสมอต่อเนื่องในการทำ เช่น การพัฒนาให้ใช้งานง่ายในมือถือ การเลือก keyword ที่ดีในแต่ละบทความ การทำลิงก์เชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นต้น การทำต่อเนื่อง 3-6 เดือนขึ้นไป จะทำให้ อันดับ SEO ดีขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นจากผู้อ่าน ขยายฐานลูกค้าและส่งเสริมยอดขายได้ด้วย

2. Keywords

Keywords หรือคำสำคัญใช้ในคิดหัวข้อที่ดึงดูด ตั้งชื่อ URL เขียนบทย่อ และเขียนบทความในเว็บไซต์ที่สามารถสื่อสารถึงผู้อ่านได้ดี ควรศึกษาการเลือกใช้ keyword จาก Google keyword planner ที่จะมีการเก็บสถิติ keyword ที่เว็บไซต์ชั้นนำได้รับการคลิกบ่อย ๆ และยังมีตัวเลขเป็นเปอร์เซ็นต์เปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละคำด้วย

3. SERPs

SERPs ย่อมาจาก search engine result pages หมายถึง หน้าจอการแสดงผลของ Google หลังจากที่เราพิมพ์คำสำคัญใด ๆ ลงไป กดค้นหาก็จะปรากฏเว็บไซต์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่งเว็บไซต์ SEOที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ SERPs จะมีคุณภาพสูง ได้รับยอดสั่งซื้อมากกว่าเว็บไซต์อื่น ๆ โดยไม่ต้องมีการโฆษณา หรืออาจเรียกว่า organic SERPs ก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากเว็บไซต์ที่มาจากการเช่าพื้นที่โฆษณา หรือ paid SERPs ที่มีค่าใช้จ่ายเป็นรายคลิก หรือ pay per click

4. URL address

URL เป็นรหัสที่อยู่ของเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละแห่งจะไม่ซ้ำกัน ผู้ทำเว็บไซต์ควรนำ keyword ที่สำคัญใส่ลงในชื่อของแต่ละหน้าเพจ เพื่อเสริมอันดับ SEO ให้ดีขึ้น ที่สำคัญควรตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อไม่ให้มีปัญหาในตัวสะกดและวรรณยุกต์ ตลอดจนป้องกันการเกิดความผิดพลาดในการเชื่อมโยง

5. Meta Description

Meta Description เป็นส่วนของบทย่อที่แสดงใต้ title ในหน้าแสดงผล เป็นการย่อเรื่องจากภายในหน้าเพจหนึ่ง ๆ ที่อาจจะมีความยาวถึง 2000 คำ ย่อเหลือ 100 คำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดให้ผู้ที่เห็นชื่อและอ่านบทย่อ สนใจเข้ามาคลิกอ่านรายละเอียดภายในและนำสู่การซื้อสินค้าต่อไป

จะเห็นได้ว่า คำศัพท์ที่ยกตัวอย่างมา เป็นสิ่งที่คนทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ต้องศึกษารายละเอียดในเชิงลึกและฝึกฝนจากประสบการณ์ จะทำให้เพิ่มคุณภาพงาน SEO ให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตได้ดียิ่งขึ้น

คนรุ่นใหม่สนใจทำเว็บไซต์ SEO

คีย์เวิร์ด SEO สำคัญอย่างไรในเว็บไซต์ทางธุรกิจ

คีย์เวิร์ด SEO สำคัญอย่างไรในเว็บไซต์ทางธุรกิจ

การทำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพต้องอาศัยองค์ประกอบหลายด้าน ทั้งในส่วนของการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์ ให้ใช้งานได้ง่าย ทั้งในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ การเพิ่มลิงก์เชื่อมโยงกับเว็บไซต์ต่าง ๆ และที่สำคัญคือการผลิตบทความ SEO ที่มีคุณภาพ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจของการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

การเขียนบทความ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ต้องใส่ใจตั้งแต่การเลือกใช้คีย์เวิร์ด SEO ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใช้พิมพ์ในช่อง Google search เพื่อการค้นหาข้อมูลต่างๆ

คีย์เวิร์ด SEO แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

1. focus keyword คีย์เวิร์ดหลัก

เป็นคำสำคัญที่มักสั้นกระชับ ควรใส่ทั้งในบทความ ส่วนหัวเรื่อง (title) และ ส่วนสรุปย่อ (Meta description) เป็นคำที่เจ้าของกิจการออนไลน์ต้องการให้ถูกค้นพบเจอเว็บไซต์ทางธุรกิจในหน้าแรกเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการมากขึ้น

2. related keyword คีย์เวิร์ดรอง

focus keyword คือ คำที่ใกล้เคียงกับคีย์เวิร์ดหลัก อาจมีส่วนขยายเพิ่มทำให้มีลักษณะเป็น long-tailed keywords ซึ่งสามารถหาตัวอย่างคำได้จากช่องค้นหาของ Google หลังการกดยืนยันสืบค้นด้วยคีย์เวิร์ดหลัก

การเขียนบทความหนึ่ง ๆ ควรที่จะใช้ keyword ที่กล่าวมา อย่างละ 1 คำ โดยมีการทำซ้ำไม่เกิน 2-3 ครั้ง จึงจะไม่มีปัญหาการถูกรายงานจากระบบ algorithm ของ Google ว่าเป็น spam keyword หรือ spam content ที่อาจทำให้ถูกลดอันดับ SEO ของเว็บไซต์ลงได้

นอกจากการเลือก คีย์เวิร์ด SEO เพื่อใส่ในบทความแล้ว ยังต้องใส่ใจการทำ Meta description ที่มีคุณภาพจากคีย์เวิร์ดทั้งสองประเภท (คีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรอง) เนื่องจาก Meta description เป็นการสรุปรวมข้อมูลต่าง ๆ ในบทความนั้น ๆ ซึ่งอาจมีความยาวมากถึง 3,000 คำ นำมาสรุปประเด็นให้สั้น ไม่เกิน 150 คำการเขียนบทความ SEO ให้ประสบความสำเร็จ

ดังนั้น จำเป็นที่ต้องนำทั้ง focus keyword และ related keyword มาใส่ให้ครบถ้วน เพื่อช่วยให้ได้อันดับ SEO ที่ดียิ่งขึ้น และทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทราบได้ว่า หากคลิกเข้ามาแล้วจะพบข้อมูลที่มีรายละเอียดในประเด็นใดบ้าง

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรพลาด คือ การทำส่วน title หรือหัวข้อของบทความ ที่ควรระบุคีย์เวิร์ดหลักเอาไว้เสมอ แต่หากสามารถใส่คีย์เวิร์ดรองลงด้วยได้ ก็จะยิ่งดีต่อการสื่อความหมายของเนื้อหา ที่จะทำให้ได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ต้องมีหลักการที่ชัดเจน คือ ความสั้น กระชับและใช้ภาษาที่ตรงกับลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด

จะเห็นได้ว่า การใช้คีย์เวิร์ด SEO ที่เหมาะสม จะทำให้ส่วนประกอบต่าง ๆ ทั้งหัวเรื่อง Meta description และบทความ SEO ดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่ม traffic อัตราการคลิก อันดับ SEO ของเว็บไซต์ ควบคู่กับการเพิ่มยอดขายได้อย่างชัดเจน