ความสัมพันธ์ระหว่าง AI และ SEO

ความสัมพันธ์ระหว่าง AI และ SEO

ความสัมพันธ์ระหว่าง AI และ SEO

Search Engine คือเครื่องมือสำหรับค้นหาเนื้อและเรื่องราวต่าง ๆ ที่ต้องการ เปรียบเสมือนห้องสมุดที่เก็บเรื่องราวต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ด้วยการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซด์ และเนื้อหาต่าง ๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ โดยผู้สนใจที่ต้องการค้นหาข้อมูลก็สามารถพิมพ์คำหลักในแถบค้นหา จากนั้นอัลกอริทึม (Algorithm) จะทำการค้นหาในคลังข้อมูลด้วยซอฟแวร์เครื่องมือที่เรียกว่า Web Crawler หรือ Web Spider หรือ Web Robot ซึ่งมีเส้นใยเครือข่ายโยงไปมา จากนั้นก็จะดึงเอาลิ้งก์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำค้นหานั้นออกมาแสดงบนหน้าแสดงผลการค้นหา เรียกว่า Search Engine Results Pages (SERPs) ส่วนการทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการเพิ่มประสิทธิภาพของการค้นหา มีบทบาทสำคัญในการทำให้เว็บไซด์หรือเพจของคุณได้รับการจัดอันดับการค้นหาในอันดับต้น ๆ ของ SERPs เป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้คนจะค้นพบธุรกิจของคุณได้มากยิ่งขึ้น

AI หรือ Artificial Intelligence คือปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดเหมือน (หรืออาจจะเหนือกว่า) มนุษย์ เพราะสามารถทำงาน ตัดสินใจ หรือแก้ปัญหาบางอย่างได้ด้วยตนเองเหมือนมนุษย์ ในปัจจุบันมีการนำไปใช้ในอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์บริการ และ Application ต่าง ๆ รวมถึงการทำงานของ Search engine อย่าง Google ด้วย ในปัจจุบันความสามารถของ AI มีความเฉพาะเจาะจงเฉพาะเรื่องนั้น ๆ ตัวอย่างเช่น AI ในรถยนต์จะทำหน้าที่ควบคุมการขับรถเพียงอย่างเดียว ในกรณีหุ่นยนต์ก็จะกำหนดแค่เฉพาะการรับคำสั่งเท่านั้น อย่างในกรณีของ Search Engine AI ก็จะทำหน้าที่ประมวลผลจากคำค้นหาที่ผู้ใช้งานระบุ เพื่อค้นหาลิงค์ที่มีบทความ หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำนั้น ๆ ได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานให้มากที่สุดนั่นเอง

โดย AI ที่มีผลต่อ SEO มากที่สุดในปัจจุบันคือ Rank Brain ของ Google เลย เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่จัดอันดับคุณภาพของเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อคัดเนื้อหาที่จะเเสดงให้ผู้ใช้งานเห็น สามารถทำงานได้ตลอดเวลาไม่มีวันเหนื่อย หรือหยุดพัก เรียกว่า Rank Brain สามารถทำงานได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง รองรับทุก ๆ บทความ SEO ที่เพิ่มได้ตลอดเวลาจากทั่วทุกมุมโลก กล่าวได้ว่าการทำงานของ AI นี้จึงเกี่ยวข้องกับ SEO โดยตรง ดังนั้นการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสในการขึ้นอันดับการค้นหาเป็นลำดับต้น ๆ ได้จริงจึงต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับ Algorithm นี้ให้ดีด้วย

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ AI-ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น อย่าง

– Market Brew เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยวิเคราะห์เหตุผลในการจัดอันดับของเว็บไซต์ หรือผลลัพธ์ของเครื่องมือการค้นหา (SERPs) ช่วยให้สามารถปรับแผนการทำ SEO ได้ดีขึ้น

– Publicity.ai AI ที่ช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง และรูปแบบการตลาดของผู้ประกอบการ ทำให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการทำตลาด เป็นการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และแสดงผลลัพธ์ในทุก ๆ ครั้งที่ีมีความคืบหน้าอีกด้วย

– SEMrush เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยวิเคราะห์ผลการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำเครื่องมือที่เหมาะสมกับการทำ SEO อย่าง Keyword, การทำ Domain และรายงานผลการค้นหา Keyword Magic Tool ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายและสะดวกมากขึ้น

เพราะความก้าวหน้าหน้าและพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเข้าใจรูปแบบการทำงานด้านเทคโนโลยีอย่าง AI จึงถือว่ามีความสำคัญและจำเป็นต่อการทำ SEO ทั้งทางตรงและทางอ้อมนั่นเอง

ดัน local SEO ให้ติดหน้าแรกด้วย 5 วิธีง่าย ๆ

ดัน local SEO ให้ติดหน้าแรกด้วย 5 วิธีง่าย ๆ

1 ใน การทำ SEO ที่จะช่วยให้คนคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณให้เยอะขึ้น นั่นก็คือการทำ local SEO โดยเป็นการ pin หมุดตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจของคุณให้ขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ search engine ด้วยวิธีการไม่กี่ขั้นตอนแต่ได้ผล และทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ อยากรู้ว่าต้องทำอย่างไร มาดูกันได้เลย

ขั้นตอนการดัน local SEO ให้อยู่หน้าแรก

สร้าง location ด้วย Google my business – สำหรับการทำ local SEO นั้นเราจะเป็นการเน้นผลลัพธ์การค้นหาด้วยการใช้ตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจเป็นตัวช่วยในการขึ้นอันดับ โดยเครื่องมือของ Google ที่มีให้คุณใช้นั่นก็คือ Google my business ซึ่งเป็นเครื่องมือในการ pin ตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจของคุณ รวมถึงเป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการรีวิว คำอธิบายธุรกิจ ข้อมูลในการติดต่อและเวลาทำการได้ในหน้าเดียว แบบไม่ต้องใช้เวลานาน

เลือกหมวดธุรกิจให้ถูกต้อง – การเลือกหมวดธุรกิจดูเหมือนไม่ได้มีความสำคัญอะไรมาก แต่ในทางตรงกันข้ามนั้นจะทำให้คนที่ใช้คีย์เวิร์ดค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ธุรกิจของคุณมีโอกาสค้นหาคุณเจอได้ง่ายขึ้น เพราะ Google จะแยกประเภทของธุรกิจตามหมวดหมู่ หากธุรกิจของคุณถูกจัดไว้ผิดหมวดหมู่ก็จะทำให้คนสับสนและไม่อยากคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ได้เหมือนกัน เพราะจะดูเหมือนเป็น spam นั่นเอง

ใส่ description ของธุรกิจให้ครบพร้อมแทรกคีย์เวิร์ดตามความเหมาะสม – คำอธิบายธุรกิจนั้นถือว่ามีบทบาทกับการทำ local SEO อยู่ไม่น้อย เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนค้นหาคุณเจอได้ง่ายและคุณยังสามารถใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องลงไปในคำอธิบายเหล่านั้นได้ ยิ่งเป็นคำอธิบายที่ตรงกับคีย์เวิร์ดที่คนใช้ค้นหาเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสติดอันดับได้

ใส่รีวิวธุรกิจให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ – รีวิวนี้จะเป็นรีวิวอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ยิ่งรีวิวจากคนที่มีบัญชี Gmail เยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้ติดอันดับ local SEO ได้มากขึ้น สำหับจำนวนรีวิวที่ควรมีอย่างน้อยคือ 10 รีวิวขึ้นไป โดยให้มีภาพประกอบพร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ไม่ต้องยาวมาก และสามารถเพิ่มเรทติ้งเข้าไปได้อีกด้วย

ติดตั้ง Google map บนเว็บไซต์ของคุณเอง – การเชื่อม Google map เข้าไปในเว็บไซต์นั้น สามารถช่วยให้คนเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของคุณผ่าน Google Chrome ได้ง่ายขึ้น เมื่อไหร่ที่มีคนค้นหาตำแหน่งของคุณเจอ ก็มีโอกาสที่จะคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่หน้าแรกของ Google ก็ได้

การทำ local SEO ไม่ได้ทำให้คนค้นหาหน้าเว็บไซต์ของคุณเจอ แต่เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการไต่ขึ้นอันดับและเป็นการทำให้คนค้นหาคุณเจอทั้งในหน้าค้นหาแบบธรรมดา แล้วยังสามารถค้นหาเจอได้บน Google map อีกด้วย

ขั้นตอนการดันธุรกิจให้อยู่หน้าแรกของ search engine

ความเข้าใจผิดกับ Search Engine

ความเข้าใจผิดและบทลงโทษจาก Search Engine

ธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็กเปิดเว็บไซต์เป็นช่องทางการออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าค้นหาเจอง่าย มีโอกาสเปิดตัวแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เสนอขายสินค้าและบริการรวดเร็ว สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่สั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น แต่การทำ SEO หวังให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับในหน้าแรกๆ ของการค้นหาในกูเกิลกลับมีความเข้าใจผิดอยู่มาก โดยเฉพาะการทำ Backlink จากเว็บไซต์อื่น การใส่คีย์เวิร์ดและโฆษณามากเกินไป เว็บไซต์ของคุณอาจพบบทลงโทษจากเครื่องมือค้นหาด้วยการทิ้งเว็บไซต์ของคุณออกจากดัชนี Google โดยสิ้นเชิง ความเข้าใจผิดที่พบกันบ่อยๆ มีดังนี้

Spam Keywords

การเลือกคีย์เวิร์ดมีส่วนสำคัญต่อการค้นหา ถ้ามีความเข้าใจผิดๆ คิดว่าใส่คีย์เวิร์ดซ้ำๆ จำนวนมากจะทำให้ติดอันดับในเครื่องมือค้นหาง่ายขึ้น ความจริงแล้วเกิดผลเสียในระยะยาว บทความที่อ่านไม่รู้เรื่อง มีแต่คีย์เวิร์ดแทรกเต็มไปหมด ทำให้คนที่เข้ามาใช้งานไม่อยากกลับมาใช้เว็บนี้ซ้ำอีก ทั้งยังจะถูกพิจารณาว่าเป็นสแปมได้ ควรระวังการใช้คีย์เวิร์ดในบทความและบรรยายรูปภาพ เช่น ใส่คำว่า Red Flower , Beautiful Flower , Bright Flower , Common Flower คีย์เวิร์ดกลุ่มนี้จะถูกตรวจสอบ หากมีคำซ้ำบ่อยๆ อย่างคำว่า Flower ตามตัวอย่าง จะเกิดปัญหาและถูกเตือนมาให้ปรับเปลี่ยนใหม่ ก่อนจะใช้บทลงโทษคือปฏิเสธเว็บไซต์ของคุณ

Backlink จากเว็บไซต์ ผิดธรรมชาติ

ก่อนหน้านี้กูเกิลจัดอันดับเว็บไซต์จากจำนวนลิงก์ ทำให้มีการเชื่อมโยงลิงก์จำนวนมากเพื่อหวังผลเรื่องการจัดอันดับเว็บโดยตรง ปัจจุบันกูเกิลหันมาเน้นคุณภาพของลิงก์มากขึ้น ดั้งนั้นลิงก์ที่ไม่ดี ลิงก์ที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ลิงก์ที่รับแต่งเว็บไซต์เพื่อหวังผลเรื่องจัดอันดับดีขึ้นอย่างเดียว จัดเป็นลิงก์ที่ไม่มีคุณภาพ หากแลกเปลี่ยนลิงก์กับเว็บเหล่านั้นที่ถือว่าทำผิดนโยบายของ Google อาจทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณตกต่ำตามไปด้วย

SEO กับความเข้าใจของนักธุรกิจสมัยใหม่

ลงข้อความโฆษณามากเกินไป

หากคอนเทนต์อัดแน่นด้วยข้อความโฆษณาที่ไม่เกิดประโยชน์กับผู้เข้าชม หวังแต่ให้มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น อาจจะส่งผลร้ายต่อการทำ SEO มากกว่าจะเป็นผลดี เพราะระยะหลังกูเกิลจะพิจารณาว่าเป็นสแปม ทำให้ถูกลงโทษและอาจต้องเริ่มต้นทำเว็บไซต์ใหม่ เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลา จึงเป็นเทคนิคที่ควรหลีกเลี่ยง

วิธีการทำ SEO ดีที่สุดเริ่มต้นด้วยการเขียนบทความที่มีคุณภาพ เนื้อหาดี น่าอ่านและมีประโยชน์ด้วย เป็นเรื่องใหม่ที่กำลังอยู่ในกระแสความสนใจ ทำให้ผู้อ่านติดตามจำนวนมาก ซึ่งเมื่อทำเว็บให้อยู่ในระดับนี้ไปเรื่อยๆ การแลกลิงก์กับเว็บคุณภาพก็จะตามมาเอง เจ้าของธุรกิจต้องตระหนักเสมอว่า จำนวน Backlinks ปริมาณการคลิกเข้าชม หรือแม้แต่การจัดอันดับที่ดีขึ้น ไม่ได้มีประโยชน์ต่อยอดขายเลย ถ้าโครงสร้างของเว็บไซต์มีความซับซ้อน โหลดช้าและไม่มีข้อมูลเป็นประโยชน์ โอกาสที่ลูกค้าจะกดออกหรือคลิกปิดเว็บไซต์สูง การทำ SEO จึงไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใดหากยังมีความเข้าใจผิดตามที่กล่าวว่าทั้งหมด

10 ข้อมูลสำคัญ ทำเว็บให้ติด SEO ได้ง่ายขึ้น

10 เหตุผลทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ Search Engine

10 ข้อมูลสำคัญ ทำเว็บให้ติด SEO ได้ง่ายขึ้น

อัลกอริทึ่ม คือ ตัวตำแหน่งที่เว็บไซต์ของคุณจะได้รับในหน้าผลการค้นหา (SERPs) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรักษาให้ทันกับกฎเกณฑ์ของ SEO (การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา) อาจหมายถึงความแตกต่างระหว่างจุดสูงสุดในรายการเครื่องมือค้นหาและหลุดออกจากการจัดอันดับอย่างสมบูรณ์ นี่คือ 10 ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณในผลลัพธ์ของหน้าในเครื่องมือค้นหา

1. เว็บไซต์ที่เหมาะกับมือถือ

เว็บไซต์ของคุณจะมีโอกาสที่ดีในการมีอันดับผลการค้นหา โดยจะต้องเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Friendly) Google สามารถดูได้ว่าอุปกรณ์ใดที่ผู้ใช้ใช้อยู่ และจะแสดงเฉพาะเว็บไซต์ที่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ๆเหมาะสม หากคุณมีไซต์แบบเก่าถึงเวลาแล้วที่จะอัปเดต

2. ทำให้ไซต์ของคุณ https //:

เว็บไซต์ของคุณควรมีความปลอดภัยเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ของ Google และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ถามผู้ให้บริการโฮสติ้งของคุณเกี่ยวกับการจัดซื้อใบรับรองของที่เรียกว่า SSL หรือไม่

3. ความเร็วหน้าเว็บ

เครื่องมือค้นหาให้รางวัลแก่เว็บไซต์ที่โหลดหน้าเว็บไซต์ได้อย่างรวด ตรวจสอบความเร็วของไซต์ในไซต์ เช่น Pingdom และถ้าทำได้ให้ทำตามการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่แนะนำ

4. เพิ่มสื่อ (Media)

วิดีโอ เสียง พ็อดคาสท์ (Podcast)และรูปภาพ สามารถทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้รับรับอันดับที่ดีในผลการค้นหา ไม่ใช่แค่เนื้อหาบนหน้าเว็บเท่านั้น

5. ใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Social Media

แม้ว่าจะไม่เกี่ยวกันโดยตรงแต่ คอมเมนต์ จำนวน like และแชร์ และอื่นๆ เป็นการสื่อสารกับ Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีความความน่าสนใจมากแค่ไหน

6. เนื้อหาแบบยาว

สร้างบทความหรือบทความที่ยาวขึ้นกว่า 2,000 คำ เพื่อให้เครื่องมือค้นหาของ Google มีโอกาสดึงเนื้อหาเกี่ยวกับคำหลักที่น่าสนใจได้มากขึ้น

7. ใช้แผนผังไซต์( Site Map)

หากคุณใช้ WordPress สำหรับเว็บไซต์ของคุณให้ติดตั้งปลั๊กอินแผนที่เว็บไซต์ เช่น Google XML Sitemap เพื่อให้ google สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ครบทุกหน้า

8. อย่าลืม Metatags

แม้ว่า Google จะไม่ให้ความสำคัญกับการจัดอันดับของเมตาแท็ก แต่ยังคงสามารถใช้ในการจัดอันดับที่ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ Bing และ Yahoo!

9. อย่าลืมวิจัยคำหลัก (Keyword) ของคุณ

จัดทำรายการคำหลัก 20 หรือ 30 อันดับแรกของคุณ จากนั้นค้นหาคำแต่ละคำใน Google คุณอยู่ในหน้าแรกของผลหรือไม่? ถ้าไม่ ดูว่าเป็นใคร มีวิธีใดในการรับ Backlink จากพวกเขาหรือมีส่วนร่วมในเว็บไซต์ เช่นมีส่วนของ Guest post หรือไม่

10. ใช้ Rich Snippets ที่สมบูรณ์ถ้าคุณทำได้

Rich Snippets จะช่วยแบ่งประเภทเนื้อหาและส่งสัญญาณว่าคืออะไรในเครื่องมือค้นหา หากคุณใช้ WordPress ให้ติดตั้งปลั๊กอินที่ชื่อว่า All in One Schema