seo business

นำเสนอและขายสินค้าสำหรับธุรกิจออนไลน์

เครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญมาก ๆ สำหรับธุรกิจออนไลน์ เพราะถ้าหากว่าเจ้าของแบรนด์เข้าใจและรู้จักการใช้งานเครื่องมือสำคัญตัวนี้เป็นอย่างดี ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ธุรกิจมีโอกาสขายและทำกำไรได้มากขึ้น ในกลางกลับกันหากไม่เข้าใจและไม่ใช้เลยธุรกิจก็อาจประสบปัญหาและกลายมาเป็นผู้แพ้ในสงครามการตลาดออนไลน์ที่มีการแข่งขันสูงได้ในที่สุด

SEO กับการใช้เพื่อหาลูกค้า

จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งคือการทำ Keyword Research สิ่งที่ทรงพลังที่สุดในการตลาดของธุรกิจออนไลน์ก็คือ Keyword การทำ SEO โดยการทำ Research มาก่อน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น แถมยังเข้าถึงได้ตรงกลุ่มที่ Match กับสินค้าได้ลงตัวมากกว่าด้วย อย่างนั้นแล้วก่อนจะเริ่มทำ SEO อย่างจริงจัง ธุรกิจควรที่จะหาดูก่อนว่า Keyword ที่ควรใช้นั้นคืออะไรกันแน่ การได้คำค้นหาที่ตรงกับสินค้าของธุรกิจจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหาเราเจอได้มากกว่าเดิม

เทรนด์เป็นเรื่องสำคัญ แค่การใช้ Keyword ที่ตรงอาจไม่พอ ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องรู้ถึงเทรนด์การใช้คำคำนั้นเพื่อการค้นหา โดยการดูด้วยว่าคำที่เราเลือกมานั้นมีปริมาณในการค้นหาอย่างไร เวลาที่เหมาะสมในการวิเคราะห์เทรนด์ก็คือ 12 เดือน และดูไปถึงว่าในแต่ละเดือนมีประมาณการค้นหาประมาณเท่าไร ยิ่งกับสินค้าที่ขายเป็น Season ตรงนี้ยิ่งต้องเอาไปใช้ให้ตรงช่วงเวลาด้วย

เข้าใจลูกค้า ขายได้ง่ายกว่า

เข้าไปให้ถึงที่ที่ลูกค้าอยู่ การที่จะเริ่มทำความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องรู้ให้ได้ว่ากลุ่มลูกค้าของเรานั้นอยู่ที่ไหน ซึ่งที่อยู่นี้หมายถึงในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Social Media หน้าเว็บหรือเพจอะไร การมีข้อมูลตรงนี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น ที่อยู่นี้เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ทุกธุรกิจจำเป็นจะต้องหาให้เจอให้ได้

ลูกค้าคุยอะไรกันเราต้องรู้ โดยปกติแล้วสิ่งที่ลูกค้าคุยหรือแชร์กันในสื่อออนไลน์คือการนำเสนอความต้องการ ความคาดหวัง และความพึงพอใจของพวกเขา ทั้งหมดที่ลูกค้าคุยกันคือโจทย์ที่ธุรกิจสามารถเอามาใช้ในการทำ Content ได้ และเมื่อรวมเข้ากับ Keyword ที่ผ่านการศึกษามาแล้ว ก็จะยิ่งทำให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เพราะการเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าและรู้ว่าเทรนด์ในการหาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกคืออะไร จะช่วยให้ธุรกิจสามารถที่จะกำหนด Keyword ได้ตรงกับการค้นหามากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการนำไปใช้ในการทำ SEO ของธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ

ชี้ 5 ข้อดีของการทำ SEO สายเทา

ชี้ 5 ข้อดีของการทำ SEO

แน่นอนว่าการปรับตัวในการทำธุรกิจนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ SEO “สายเทา” และปรับเปลี่ยนในการทำการตลาดออนไลน์ให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดีในเรื่องของการรับลงโฆษณานั่นเอง ส่วนการเรียนรู้และการศึกษาก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้เข้าถึงบริบทในการรับลงโฆษณา

1. “ใช้งบประมาณน้อยกับผลลัพธ์นั้นเกินคุ้ม” : เงินลงทุนคือสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบจะจัดระเบียบและวางแผนให้เป็นอย่างดี รวมถึงส่วนการโฆษณาทำการตลาดทางโลกออนไลน์ ถ้าหากเปรียบเทียบกับการลงสื่ออื่นๆ ก็คือ หนังสือพิมพ์หรือป้ายโฆษณาต่างๆแล้วใช้การรับโปรโมทเว็บ ซึ่งเฟสบุ๊คนั้นจะมีการลงทุนที่ใช้เงินน้อยกว่า และได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า สามารถนำเงินทุนและกำไรไปต่อยอดได้มากกว่าเดิม เพราะคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้เวลาอยู่กับโลกออนไลน์ ที่ไร้ขีดจำกัดรอบด้านทั้งสถานที่และช่วงเวลา จึงยกให้สื่อออนไลน์มีประสิทธิภาพที่สุดในยุคนี้

2. “เข้าถึงง่ายและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย” : เว็บไซต์และเฟสบุ๊คในยุคสมัยนี้สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงกันได้ง่าย ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลแก่ผู้คนมากมายที่ให้ความสนใจและล็อคอิน เพื่อติดตามข่าวสารทุกวันแบบรอบด้าน ทำให้บริหารจัดการและกระจายสื่อให้ผู้รับรู้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถจำกัดและครอบคลุมเป้าหมายได้อย่างดีเยี่ยมด้วย

3. “การดำเนินการที่ง่ายและสะดวกสบาย” : การใช้บริการรับลงโฆษณานั้นสามารถดำเนินการต่างๆ ได้อย่างง่าย แถมยังประหยัดเวลาและสะดวกรวดเร็วอีกด้วย แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องมีการแจกโบรชัวร์หรือโปรโมทผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งแปะโฆษณาตามฝ่าผนังริมทางเดิน อย่างว่ายุคสมัยนี้สามารถโปรโมทเว็บผ่านทางออนไลน์ได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังสามารถอัปเดตข้อมูลได้ด้วยตนเอง โดยใช้เวลาไม่นาน

4. “เห็นผลรวดเร็ว Backlink สายเทา” : เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อผ่านโลกออนไลน์ ถึงทำให้สิ่งที่ต้องการนำเสนอนั้นเข้าถึงผู้คนได้ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งยังมีการรับลงโฆษณาด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ถือว่าเป็นสิ่งที่ควบคุมและวางแผนจัดการได้โดยตัวเอง เพื่อกระตุ้นยอดและทำให้เว็บเป็นที่รู้จักมากขึ้น

5. “เพิ่มลูกค้าได้อย่างยั่งยืน” : ผู้คนสามารถค้นหาและติดตามเว็บไซต์ได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น เป็นเว็บแทงบอลออนไลน์ โดยในเว็บนั้นมีทั้งให้ทีเด็ดบอลเต็ง, บอลสเต็ป และวิเคราะห์บอล เมื่อมีคนเสิร์ช คำว่า “วิเคราะห์บอล” ใน Google ซึ่งการทำ SEO จะช่วยผลักดันให้เว็บแทงบอลออนไลน์ของคุณขึ้นมาอยู่ที่หน้าแรกของการเสิร์ช ทำให้เว็บหรือธุรกิจของคุณกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและดึงดูดผู้คนที่เสิร์ชเป็นอันดับต้นๆ

นอกจากนี้ยังทำได้อีกหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการจ้างหรือใช้บริการบริษัทที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์และรับลงโฆษณาสายเทา แต่อย่าลืมว่านำเสนอคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพก็เป็นส่วนสำคัญให้การดึงดูดกลุ่มลูกค้า อาทิเช่น การนำเสนอวิดีโอ, รูปถ่าย, และบทความหรือคอนเท้นต์อื่นๆ ที่จะทำให้เกิดความน่าสนใจ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในเพิ่มมูลค่าให้กับเว็บ

แนะนำ 5 เครื่องมือช่วยทำ SEO ให้ติดอันดับ แถมใช้งานง่าย

แนะนำ 5 เครื่องมือช่วยทำ SEO ให้ติดอันดับ แถมใช้งานง่าย

ปัจจุบัน การทำ SEO ให้ติดอันดับบนหน้าการค้นหาของ Google ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจออนไลน์ต่าง ๆ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ หลายคนจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ให้สามารถแข่งขันกับเจ้าอื่นได้และมีโอกาสติดอันดับมากขึ้น

ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 5 เครื่องมือช่วยทำ SEO ให้ติดอันดับ ทั้งยังใช้งานได้ง่ายอีกด้วย

1.Google Analytics
ถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับคนทำ SEO เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะช่วยวิเคราะห์จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์ แหล่งที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์ ตลอดจนระยะเวลาที่ผู้ใช้งานอยู่ในเว็บไซต์ของเราแล้ว ยังช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกหลายอย่างเพื่อให้เราสามารถปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ของผู้เข้าชมได้ดีขึ้นอีกด้วย

2.Google Search Console
เครื่องมือทรงคุณค่าที่เปิดให้ใช้บริการฟรีอีกบริการหนึ่งของ Google ช่วยให้เราสามารถดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้มีคุณภาพมากขึ้น สามารถบอกได้ว่าผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราเข้ามาจาก “คีย์เวิร์ด” อะไร หรือจำนวนการคลิกเข้าเว็บไซต์ของเราจาก Google ทั้งหมด รวมถึงคอยแจ้งปัญหาข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่ทำให้เว็บไซต์ของเรามีปัญหาได้อีกด้วย

3.Majestic
เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ Backlinks ที่เราใช้ในเว็บไซต์ว่า Backlinks นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ควรอยู่ในหมวดหมู่อะไร เนื่องจาก ปัจจุบัน Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นอันดับแรก ดังนั้น การจัดอันดับจึงมักพิจารณาโดยอิงอยู่กับการใช้ Backlinks ที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน ในทางตรงข้าม หากลิงก์ที่มีนั้นมาจากเว็บไซต์คุณภาพต่ำ ไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็อาจส่งผลให้เว็บไซต์ของเราถูกลดอันดับได้เช่นกัน

4.Structured Data Testing Tool
อีกหนึ่งเครื่องมือที่เปิดให้ใช้บริการฟรีจาก Google เป็นเครื่องมือที่จะช่วยตรวจสอบโครงสร้างหรือรูปแบบข้อมูลเพื่ออธิบายว่าเนื้อหาของบทความหรือคอนเทนต์แต่ละส่วนหมายถึงอะไร ช่วยให้เวลา Google เข้ามาเก็บข้อมูลก็จะเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า เว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร ขายสินค้าหรือบริการอะไร มีความน่าเชื่อถือหรือมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน ยิ่งเราใช้ Structured Data Testing Tool ได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้ Google จัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์เราได้สะดวกมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ Google จะดึงข้อมูลในเว็บไซต์เราไปแสดงผลในหน้าผลการค้นหามากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง

5.Ubersuggest
เครื่องมือใช้ในการวิเคราะห์ “คีย์เวิร์ด” ที่เราเลือกใช้ในบทความหรือคอนเทนต์ว่ามีความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน สามารถบอกค่าความนิยมและระดับการแข่งขันของคีย์เวิร์ดคำนั้น ๆ เพื่อช่วยให้เราสามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และหลีกเลี่ยงคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันสูงซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับได้ยากขึ้น

ยิ่งการทำ SEO เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ การแข่งขันกันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เครื่องมือดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยในการทุ่นแรงได้อย่างดี ผู้ที่ต้องการทำ SEO จึงต้องฝึกใช้เครื่องมือเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

บทความ SEO ที่มีคุณภาพเป็นอย่างไร

การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพจึงต้องศึกษาองค์ประกอบต่าง ๆ

บทความ SEO ถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ เนื่องจากเป็นจุดที่เชื่อมต่อระหว่างคนอ่านและเจ้าของธุรกิจ หากบทความมีความน่าสนใจจะนำไปสู่การขายสินค้าและบริการต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ห้องพัก รีสอร์ท ตั๋วเครื่องบิน ฯลฯ ได้ทั้งหมด

การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพจึงต้องศึกษาองค์ประกอบต่าง ๆ ต่อไปนี้

ต้องไม่มีการคัดลอกงานซ้ำ

การทำงานเขียนด้าน SEO ตามระบบของ search engine optimization ใน Google ต้องไม่มีการคัดลอกทั้งหมด บางส่วนหรือสลับบรรทัด จากเว็บไซต์อื่นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ระบบ algorithm ของ Google นั้นตรวจสอบพบได้ ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และส่งผลต่ออันดับ SEO ของเว็บไซต์ที่แย่ลงด้วย

ทั้งนี้ มีเทคนิคที่เรียกว่า การตรวจสอบ plagiarism ที่สามารถตรวจสอบได้ว่า มีการทำซ้ำบทความ โดยจะมีค่าเปอร์เซ็นต์ของ unique ไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์

หัวเรื่องและเนื้อหาต้องใส่ keyword ที่เหมาะสม

สำหรับนักเขียนบทความ SEO มือใหม่ ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานของ Google search Console ซึ่งนักผลิตบทความ SEO ทั่วโลกยอมรับว่า เป็นตัวช่วยที่ดีในการเลือก keyword ที่เหมาะสม สำหรับหัวเรื่องและเนื้อหาในบทความ SEO ในปัจจุบันมีเทรนด์ของการใช้ keyword ที่มีความยาวและจำเพาะเจาะจงมากขึ้น เพื่อให้บทความสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เฉพาะกว่าเดิม

เช่น ใช้คำว่า คีย์บอร์ดสำหรับนักเล่นเกมส์ E-sport แทนคำว่าคีย์บอร์ด หรือ ใช้คำว่า Huawei โทรศัพท์มือถือใช้ง่ายสำหรับผู้สูงอายุ แทนที่จะใช้คำว่า โทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อได้ keyword ที่เหมาะสมแล้วนำไปผลิตบทความ ก็จะน่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการสื่อสารถึงกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่การขายสินค้าและบริการได้ จึงเท่ากับเป็นการโฆษณาแบบไม่ต้องเสียเงินผ่านบทความ SEO นั้น ๆ

การใช้ภาพประกอบบทความ SEO

ภาพประกอบในบทความ SEO เป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะถ้าบทความมีความยาวมากกว่า 200 หรือ 300 คำ ควรจะมีการใส่ภาพที่เข้ากับเนื้อหาตอนนั้น ๆ แทรกอยู่เป็นระยะ เพื่อกระตุ้นความสนใจคนอ่าน และทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกเบื่อ

เทคนิคสำคัญของการใช้ภาพประกอบที่เหมาะสม อาจเลือกเป็นภาพที่ถ่ายด้วยตัวของผู้เขียนบทความเอง หรือจะเป็นภาพที่ดาวน์โหลดฟรีจากเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ใช้ได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า หากเป็นภาพที่ผลิตด้วยตัวเอง มีความสดใหม่ ไม่เคยใช้ที่ใด จะทำให้ส่งเสริม อันดับ SEO ของเว็บไซต์ที่นำบทความไปใช้ให้สูงขึ้นได้มากกว่าภาพที่มีการกันใช้บ่อย ๆ

จะเห็นได้ว่า การทำบทความ SEO ที่มีคุณภาพนั้น ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว แต่มีหลักการที่นักเขียนต้องเรียนรู้เพื่อการทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้บรรลุวัตถุประสงค์คือ การสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และทำให้มีการสั่งซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ตามมานั่นเอง

บทความ SEO ที่มีคุณภาพเป็นอย่างไร

8 สิ่งที่คุณจะพลาดหากไม่ทำเว็บไซต์ระบบ SEO

จะจ้างบริษัททำ SEO อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

8 สิ่งที่คุณจะพลาดหากไม่ทำเว็บไซต์ระบบ SEO

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับท็อป 5 ท็อป 10 ได้ ต้องอาศัยการสะสมข้อมูลจากบทความคุณภาพและการปรับปรุงส่วนโครงสร้างและลิ้งค์ให้มีคุณลักษณะตามเกณฑ์ของ search engine ดังนั้นการเลือกบริษัทที่รับจ้างทำ SEO ในปัจจุบันจึงเป็นที่ต้องไตร่ตรองอย่างมาก เพราะหากได้ทีมงานที่ขาดคุณภาพก็เท่ากับจะต้องเสียเวลาและเสียลูกค้าให้กับคู่แข่งทางธุรกิจเจ้าอื่นไปอย่างง่ายดาย

ในด้านหลักการทำ SEO ในปัจจุบันนั้น บริษัทที่มีความชำนาญในการทำ SEO จะไม่เน้นที่จำนวนของชิ้นงานที่โพสต์แต่อย่างใด ตรงกันข้ามจะใส่ใจที่คุณภาพของบทความที่มีลักษณะการเขียนที่โดดเด่น มีแนวการเขียนหรือสไตล์ที่ตรงกับธีมที่วางไว้ของบริษัททำให้ ทั้งยังต้องมีรูปประกอบและสื่อมัลติมีเดียที่สัมพันธ์กับเนื้อความ สามารถส่งเสริมการขายสินค้าของบริษัทได้เป็นอย่างดี

ส่วนแง่ของการติดตามผลการทำ SEO ทางบริษัทที่รับจ้างทำ SEO มักมีการทำเป็นรายงานนำเสนอรายวันและรายสัปดาห์เพื่อให้ผู้จ้างงานได้เช็คความเคลื่อนไหวของเว็บไซต์ผ่านตารางตัวเลขเชิงเทคนิคและเส้นกราฟแนวโน้มต่าง ๆ ทำให้คาดการณ์อนาคตได้ทั้งระยะสั้นและยาว รวมถึงทำให้เกิดการคิดโปรโมชั่นใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการขายและเสริมสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น

คุณจะพลาดหากไม่ทำเว็บไซต์ระบบ SEO

และสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ บริษัทที่รับจ้างทำ SEO มักทำเป็นรูปแบบสัญญารายหกเดือนถึงหนึ่งปี ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในการจัดอับดับการค้นหา ทั้งนี้แนะนำว่าหากยังไม่มั่นใจในผลลัพธ์หรือแนวทางในการทำ SEO ควรเลือกทำสัญญาระยะสั้นดูก่อน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและสามารถย้ายบริษัททำ SEO ได้เมื่อครบกำหนดสัญญา

อย่างไรก็ตาม เมื่อจ้างทำ SEO แล้วก็จำเป็นต้องมีการติดตามผลงานด้วย กรณีจ้างทำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพ ล้วนต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ทั้งนี้ ขึ้นกับสถานการณ์การแข่งขันในท้องตลาด หรือความดุเดือดของวงการซื้อขายสินค้านั้น ๆ เช่น การโรงแรม กิจการทัวร์ การท่องเที่ยว มักมีความนิยมจองตั๋ว จองทัวร์หรือจองห้องพักมากเป็นพิเศษในบางเทศกาลและฤดูกาล อาจต้องใช้เวลาเป็นปีในการดูผลลัพธ์อย่างรอบด้านครบทุกฤดูกาลตลอด 365 วัน

และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ นักธุรกิจออนไลน์ยังต้องเรียนรู้เทคนิคทางการตลาดรูปแบบอื่น ๆ ทั้งที่มีอยู่แล้ว เช่น SEM WordAds ฯลฯ รวมถึงกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในอนาคตที่จะมาตอบโจทย์การสืบค้นทาง search engine ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหารูปภาพ วิดีโอ บทความ หรือข่าวสาร ที่มีคีย์เวิร์ดสัมพันธ์กับสินค้าและบริการในธุรกิจคุณ

จะเห็นได้ว่าการชิงชัยอันดับต้น ๆ ในการสืบค้นเว็บไซต์และการได้เปรียบทางการธุรกิจต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์ทางการตลาด รวมถึงสะสมดาต้าในระบบไอทีอย่างสม่ำเสมอ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของเว็บไซต์ออนไลน์ทุกท่านในการเลือกจ้างบริษัททำ SEO ที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง

พลาดหากไม่ทำเว็บไซต์ระบบ SEO