SEO เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ ในปี 2018 ไม่ว่า สินค้า จะเป็นรูปแบบใด จับต้องได้เป็นรูปธรรมหรือไม่ สำคัญคือต้อง ต้องตา และ ต้องใจ หรือ touchable ได้ จึงจะมีโอกาสรักษาฐานลูกค้ากลุ่มเก่าและเพิ่มเปอร์เซ็นต์ลูกค้ากลุ่มใหม่ นำมาซึ่งรายได้และส่วนต่างกำไรที่สูงขึ้น ทั้งนี้ เราจะเห็นได้ว่าการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization มีความสำคัญในการทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย สามารถค้นหาธุรกิจเรา หรือเจอหน้าเพจ (website หรือ page) ในหน้าแรกของการค้นหาทางเครื่องมือออนไลน์ เช่น กูเกิ้ล (google) , บิง (bing) ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ size เล็กหรือใหญ่ การใส่ใจ SEO จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้
มารู้จักการเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO
ทั้งนี้ การเลือกคีย์ หรือ keyword สำหรับการทำ SEO ควรต้องศึกษาตลาดก่อนว่า กลุ่ม target ที่เราต้องการขายสินค้าหรือบริการให้นั้นนิยม search ด้วยคำว่าอะไรบ้าง ซึ่งเราเรียกว่าเป็นการวิจัยคีย์ พร้อมกับต้องพิจารณาด้วยว่าคู่แข่งทางธุรกิจประเภทเดียวกับเรา ทำ adwords โฆษณาจากคีย์คำนั้น ๆ มากน้อยเพียงใด ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่ธุรกิจเราจะนำมาต่อยอดทำ SEM ที่มีประสิทธิภาพในเชิงการตลาดได้อีกมาก ในส่วนของการตั้งชื่อ URL หรือหน้าลิ้งค์ที่จะเชื่อมโยงมาสู่หน้า content ของคีย์เวิร์ดที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสนใจ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับ SEO ทั้งนี้กูรูด้าน SEO แนะนำให้ตั้งชื่อ URL ที่มีความยาวของตัวอักษรเหมาะสม ไม่สั้นหรือยาวเกินไป คือ 100 ตัวอักษร ให้คำที่ตรงประเด็นและตรงกับคีย์ของเพจมากที่สุด จึงจะได้ประโยชน์ในเชิงการค้นหาด้วย บอท ของ search engine นั้น ๆ
ในตัวเนื้อหาหรือคอนเท้นต์ ที่มีการผลิตโดย content marketing , content creator หรือ copywriter ก็ตาม ต้องใส่ใจรายละเอียดของเนื้อหาที่ต้องให้ประโยชน์แก่ลูกค้าที่เข้ามาอ่าน การทำ SEO ไม่ใช่การเน้นใส่แต่คีย์ เช่น วิธีคลายเครียด ควรมีเนื้อหาที่เป็นข้อแนะนำหรือวิธีคิดในการคลายเครียดมากกว่า 60 เปอร์เซนต์ ซึ่งหากภายในเนื้อหา content เกินครึ่งหนี่ง กลับเป็นเรื่องราวของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อย่างนี้ ผู้ที่เข้ามาชมเนื้อหาก็จะได้สิ่งที่ ไม่ตรงกับความต้องการ และก็จะทำการ BLOCK หรือทำให้เพจของธุรกิจกลายเป็น Blacklist ที่จะไม่เข้ามาชมอีกต่อไป
ทั้งนี้ยังรวมถึงลักษณะของภาษา ความน่าเชื่อถือ หรือ ความเป็นวิชาการ ของเนื้อหาที่ทำ SEO ที่ต้องเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย จะ touch ลูกค้าได้ ต้องรู้ว่าผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นใคร ต้องการข้อมูลที่มีการอ้างอิงที่มาที่ไป ตัวเลขสถิติหรือเป็นกลุ่มที่ต้องการความรวดเร็วในการอ่านข้อมูลที่แม้จะใช้เวลา 3 – 5 นาที ก็ต้องมี คุณภาพ ในเนื้อหาเพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าเป็นการ เสียเวลา หรือ หลอกลวง ลูกค้า ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของธุรกิจ เพราะcontentในเพจต่าง ๆ เป็นเหมือน PR ที่เราคัดเลือกมาแล้วให้เป็นตัวแทนของแบรนด์ธุรกิจนั่นเอง