Keywords SEO

คีย์เวิร์ดตลาด VS คีย์เวิร์ดชื่อสินค้า แบบไหนน่าทำ SEO มากกว่ากัน ?

หากเราศึกษากระบวนการ SEO มาบ้างแล้ว จะรู้ว่าการทำ SEO สิ่งแรกที่ต้องทำคือการค้นหาคีย์เวิร์ดที่จะสามารถทำเงินให้กับเราได้ แน่นอนล่ะ มันต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เราขายหรือเกี่ยวข้องกับบริการของเราที่ต้องการประชาสัมพันธ์ ทีนี้มันจะแยกออกได้อยู่สองรูปแบบด้วยกัน คือการทำคีย์เวิร์ดที่เป็นคำค้นหายอดนิยมของกลุ่มเป้าหมายในตลาดนั้นๆ กับอีกแบบหนึ่งคือการเอาชื่อสินค้ามาเป็นคีย์เวิร์ดในการทำเสียเลย แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าแบบไหนมันน่าทำกว่าหากต้องเลือกในอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะจะทำหมดทุกคีย์คงไม่ไหว เรามาเรียนรู้ข้อดีและข้อด้อยของคีย์เวิร์ดแต่ละรูปแบบกันดีกว่า

กลยุทธ์ SEO ในคีย์เวิร์ดตลาด

เป็นรูปแบบการทำยอดนิยมที่สุด ข้อดีของการทำคำค้นหากลุ่มนี้คือมันจะมีความยืดหยุ่นสูงมาก บางคนอาจจะมองไม่เห็นภาพ สมมุติว่าเราเป็นแม่ค้าขายเครื่องสำอางค์ มีสบู่ ครีมทาหน้า ยาสระผม อุปกรณ์เสริมสวย แต่ขายภายใต้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง หากวันนึงเรายกเลิกขายสินค้าแบรนด์นั้นขึ้นมา แล้วไปซบอกสินค้าอีกแบรนด์อื่นที่อยู่ในกลุ่มเครื่องสำอางค์เหมือนกัน เราก็สามารถใช้เว็บไซต์เดิมที่ลงทุนทำ SEO ได้ แค่เปลี่ยนเนื้อหาในเว็บสักเล็กน้อย ลบข้อมูลสินค้าเก่าออก เอาสินค้าแบรนด์ใหม่มาลงแทน เว็บไซต์ก็ยังขายได้ตามปกติ เพราะกลุ่มลูกค้าที่เข้ามายังเว็บจะมีการค้นหาผ่านคีย์เวิร์ดตลาด เช่น ครีมทาหน้ายี่ห้อไหนดี สบู่ทาตัวขาว ครีมทาก่อนนอน อะไรแบบนี้ ต่อให้เราย้ายแบรนด์สินค้าเป็น 10 มันก็ยังขายได้อยู่ดี แต่ข้อเสียมันก็มีอยู่ตรงที่ว่า ปริมาณคู่แข่งในคีย์เวิร์ดตลาดมักจะมีเยอะกว่าการทำคีย์เวิร์ดชื่อสินค้าเฉพาะเจาะจง อย่างคีย์เวิร์ด “พรทิน่า” ซึ่งเป็นชื่อแบรนด์สินค้าที่อยู่ในหมวดความงาม หากจะเอาปริมาณคู่แข่ง SEO ในตลาดมาเทียบกันระหว่างคีย์ “พรทิน่า” กับคีย์ “ครีมหน้าใส” ปริมาณคู่แข่งคงห่างกันฟ้ากับเหว

เลือกสิ่งที่ง่ายกว่า อย่างคีย์เวิร์ดชื่อสินค้า

เมื่อเราเห็นข้อดีข้อเสียของคีย์เวิร์ดตลาดไปแล้ว สำหรับการทำ SEO ในกลุ่มคำค้นหาชื่อสินค้า ชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัท พวกนี้มันจะตรงกันข้ามกับคีย์เวิร์ดตลาด คือในคำค้นหาเฉพาะเหล่านี้ ส่วนใหญ่เราจะสามารถทำอันดับได้ง่ายกว่าการทำคีย์เวิร์ดตลาด เพราะปริมาณคู่แข่งน้อยกว่าหลายเท่า และจุดดีอีกข้อคือ มีโอกาสปิดการขายได้สูงกว่าด้วย ผู้ใช้ทั่วไปที่ค้นหาด้วยคำเฉพาะในชื่อแบรนด์ เกิน 50% เขาเลือกที่จะซื้อ อาจมีสาเหตุมาจากเคยใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว หรือแบรนด์นี้กำลังเป็นที่นิยมเลยขอลองตามกระแส เป็นต้น

ส่วนข้อเสียคือหากวันนึงแบรนด์สินค้าที่เราลงมือทำ SEO มาอย่างยาวนานเกิดเสียชื่อ มีคนให้ความเห็นแง่ลบเยอะ เราคงไม่สามารถเอาสินค้าแบรนด์อื่นมาขายในคีย์เวิร์ดชื่อแบรนด์เดิมได้ เพราะมันคนละเรื่องกัน ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายสักเท่าไหร่ด้วย แถมถ้าเจอกระแสแง่ลบมากๆ หลังจากผ่านช่วงกระแสมาสัก 1 เดือน จำนวนคนค้นหาก็จะลดลงแบบฮวบเลย แต่จะมีกลุ่มการแข่งขันบางคีย์เวิร์ดที่คีย์เฉพาะจะมีคู่แข่งสูงกว่าคีย์ตลาด อย่าง W88 หรือ แทงบอลออนไลน์ ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับการพนัน เหล่า SEO ทั้งหลายเลือกที่จะทำ SEO ในคำว่า W88 มากกว่าการไปทำคีย์เวิร์ดย่อยอื่นๆในกลุ่มพนัน แทงบอล ถ้าเราไม่เก่งเรื่อง SEO มากนักก็ควรเลี่ยงคีย์เฉพาะที่ค่อนข้างหิน เอาเวลาไปหาคีย์เวิร์ดย่อยๆในหมวดเดียวกันแล้วลงมือทำ อาจจะง่ายและเห็นผลไวกว่า

ไม่ว่าจะทำคีย์เวิร์ดไหน กลุ่มใด แท้จริงหากเรามีเวลามากพอและใจเย็นได้ เราก็ควรทำมันทุกคีย์เวิร์ด หว่านเยอะๆ เพราะบางทีเราเองก็ไม่มีทางรู้ได้หมดว่า คีย์เวิร์ดไหนจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำเงินได้มากและไวที่สุด หากเวลามีจำกัดก็รู้จักวิเคราะห์คำค้นหาก่อนลงมือทำให้ดี หากเวลามีเยอะก็ลองทำค้นค้นหาย่อยเยอะๆเพื่อถัวเฉลี่ยจะดีที่สุด